ให้นักศึกษาศึกษา Power point แล้วตอบคำถาม
การจัดการเรียนการสอนที่ท้าทายโดยใช้เครื่องมือ Mind Mapping สอนอย่างไร ? ดีอย่างไร?
ยกตัวอย่างประกอบ วิธีการสอนโดยใช้เครื่องมือหมวก 6ใบกับโครงงานแตกต่างกันอย่างไร?
Link Powerpiont1
1. การจัดการเรียนการสอนที่ท้าทายโดยใช้เครื่องมือ Mind Mapping สอนอย่างไร ? ดีอย่างไร?
คือ ในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ Mind Mapping สอนให้เกิดความคิดองค์ความรู้ใหม่ๆและกระจายองค์ความรู้เป็นของตนเองแล้วสรุปออกมาเป็นแผนผังความคิด ซึ่งทำให้ผู้สอนได้ทราบว่าผู้เรียนมีความสามารถ ความถนัด และความคิดที่หลากหลายในการที่จะวิเคราะห์เนื้อหาและทราบว่า ผู้เรียนสามารถที่จะสรุปเนื้อหาได้ตรงประเด็นและถูกต้องสมบูรณ์
การสอนโดยใช้ Mind Mapping เป็นวิธีทางหนึ่งที่ดีเพื่อใช้ในการสอนทำให้ผู้เรียนมีความคิดวิเคราะห์ได้เป็นอย่างดี
ข้อดี Mind Mapping มีดังนี้
1. ช่วยประกอบในการเรียนการสอนของนักเรียน
2. ใช้ในกรณีการตัดสินใจกับทางเลือกหลายๆทาง
3. ช่วยในการสรุปงานทุกอย่าง
4. ใช้รวบรวมข้อมูลความคิด ความคิดเห็น และแนวคิดต่างๆ
2. ยกตัวอย่างประกอบ วิธีการสอนโดยใช้เครื่องมือหมวก 6ใบกับโครงงานแตกต่างกันอย่างไร?
การสอนแบบหมวก 6 ใบนั้นมันจะคลอบคลุม พฤติกรรมทุกด้านที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้โดยมีรายละเอียดดังนี้
หมวกขาว : ข้อเท็จจริง ตัวเลข ที่เป็นกลาง ไม่ปะปนกับข้อคิดเห็น หรืออารมณ์ความรู้สึกหรือเหตุผลด้านใดทั้งสิ้น
หมวกแดง : อารมณ์ความรู้สึก
หมวกดำ : เหตุผลด้านลบ
หมวกเหลือง : เหตุผลด้านบวก
หมวกเขียว : ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดใหม่ๆ
หมวกฟ้า : การควบคุมขั้นตอนการคิด และขั้นตอนการใช้หมวกทั้ง 6 ใบ
ในการคิดแบบหมวก6ใบการคิดเพียงครั้งละด้านจะช่วยให้แยกความรู้สึกออกจากเหตุผล ความคิดสร้างสรรค์ออกจากการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น ผู้คิดสวมหมวกเพียงใบหนึ่งใบใดจาก 6 ใบ เพื่อจำกัดให้คิดเพียงครั้งละด้าน จึงสามารถชักนำ และควบคุมกระบวนการทางความคิดและกระบวนการระดมความคิด ทั้งกรณีมีผู้คิดคนเดียว และกรณีมีผู้คิดร่วมกันหลายคน โดยเฉพาะในที่ประชุมที่จะมีประโยชน์มาก หากให้บุคคลเปลี่ยนหมวกเพื่อไปคิดในด้านที่ต่างไปจากที่เขาเคยชิน เพื่อเป็นการเปลี่ยนมุมมองของแต่ละคน
ส่วนการสอนแบบโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียน เรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งตามความสนใจของผู้เรียนอย่างลุ่มลึก โดยผ่านกระบวนการหลักคือ กระบวนการแก้ปัญหา ผู้เรียนจะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง จึงเป็นการเรียนรู้จากการได้มีประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้การให้นักเรียนผู้ทำโครงงานได้เสนอผลงาน เป็นการเผยแพร่ผลงาน กิจกรรมนี้จะส่งเสริมให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออก เชื่อมั่นในผลงาน ตอบข้อซักถามของผู้สนใจได้ ซึ่งในการเขียนโครงงานเราต้องมีข้อมูลต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผู้ทำโครงงาน 3. ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
4. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน 5. วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
6. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) 7. วิธีดำเนินงาน
8. แผนปฏิบัติงาน 9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ 10. เอกสารอ้างอิง
โดยสรุปแล้วไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรียนแบบ หมวก 6 ใบ หรือแบบโครงงานล้วนก็มีข้อแตกต่างกันอยู่บ้างซึ่งการเขียนโครงงานจะทำตามขั้นตอนแต่หมวก 6 ใบจะคิดแบบอิสระ แต่ทั้งสองก็มีความสำคัญทั้ง 2 อย่าง โดยเราสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเราเมื่อเราได้ออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและใช้ในชีวิตประจำวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น